เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ
การแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2023 ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ที่ประเทศกัมพูชา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว ที่สำคัญมีกระแสไม่อยากดูซีเกมส์มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะโดนโก่งราคามหาโหด 28 ล้านบาท แพงสุดในอาเซียนแล้ว ยังถ่ายเพียงแค่ 16 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กรีฑา (ลู่และลาน) , กีฬาทางน้ำ (ว่ายน้ำ และ กระโดดน้ำ) , ฟุตบอล , เปตอง , วอลเลย์บอล , กุน ขแมร์ , แบดมินตัน , เซปักตะกร้อ-ชินลง , คาราเต้ , เทควันโด , มวยสากลสมัครเล่น , บาสเกตบอล , ปันจักสีลัต, ฮอกกี้ , เทเบิลเทนนิส และ อีสปอร์ต แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้ว การกีฬาแห่งประเทศไทย กกท. คงต้องดิ้นรนทุกวิถีทางนำการแข่งขันครั้งนี้มาให้แฟนกีฬาไทยได้รับชมในที่สุด
ขณะที่การแข่งขันแม้ว่าก่อนหน้านี้ ฮุน เซน นายกฯ ชาติเจ้าภาพ กัมพูชา จะออกมาระบุว่าไม่ได้หวังสูง ขอเพียงให้จัดการแข่งขันอย่างราบรื่น อาหาร ที่พัก ให้นักกีฬาต่างชาติไม่ขัดสน และขอแค่ได้อันดับ 4 ของตารางเหรียญทอง
ทว่าสิ่งที่ท่านผู้นำพูดนั้น ช่างต่างจากการกระทำ ด้วยบรรจุชนิดกีฬาต่อสู้พื้นบ้านเข้ามาเต็มแม็กซ์ แถมเล่นตุกติกทุกทาง ทั้งเลือกกีฬาที่ตัวเองถนัด แถมบางชนิดกีฬายังแบ่งเลเวลห้ามชาติที่เก่งๆ ลงแข่งเพื่อให้ตัวเองคว้าเหรียญทองมากที่สุด และตอนนี้เราทราบแล้วว่า กัมพูชา ประกาศเป้าหมายเหรียญทองของตัวเองอยู่ที่ 103 เหรียญทอง จากทั้งหมดที่มีให้ชิงชัย 608 เหรียญทอง แม้จะไม่ได้บอกว่าจะเอาเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ แต่จำนวนเหรียญขนาดนี้ถือว่ามีลุ้นค่อนข้างสูง และจัดเป็นหนึ่งในตัวเต็ง
ส่วนชาติที่น่าจะมีลุ้นเจ้าเหรียญทองอีกชาติคงเป็น เวียดนาม เพราะถือว่าเป็นแชมป์เก่าจากซีเกมส์ 2021 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากกวาดมาได้ถึง 205 เหรียญทอง และทิ้งห่างทีมชาติไทย ที่ได้อันดับ 2 จากผลงาน 92 เหรียญทอง
ซึ่งเวียดนามนั้น แม้จะโอดโอยว่าเจ้าภาพซีเกมส์ 2023 หั่นชนิดกีฬาถนัดของตัวเยอะ แต่เมื่อดูๆ แล้ว ไม่แปลกใจเลย เพราะตอนเวียดนามเป็นเจ้าภาพก็ใส่กีฬาถนัดตัวเองเต็มปรี่เช่นกัน เมื่อเปลี่ยนเจ้าภาพก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร เพียงแต่หลายชนิดกีฬาในซีเกมส์ครั้งนี้ ก็มีชนิดที่ทัพ “ดาวทอง” ถนัดไม่น้อยเหมือนกัน การตั้งเป้าคว้า 100 เหรียญทองก็ไม่ใช่เรื่องยาก และน่าเป็นการถ่อมตัวด้วยซ้ำ
ส่วนตัวเต็งอันดับ 3 คงเป็นประเทศไทยแลนด์ของเรานี่แหละ ได้ข่าวว่าตั้งเป้าเจ้าเหรียญทอง 164 เหรียญ มากกว่าซีเกมส์ครั้งก่อนที่เวียดนามมาก แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่ได้ยึดติดกับจำนวนเหรียญ ขอเพียงสถิติของนักกีฬาไทยพัฒนาขึ้น เพื่อต่อยอดไปสู่การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ 2023 ต่อไป เอาเป็นว่าถึงเวลาจริงๆ คนไทยก็ต้องเอาใจช่วย เอาใจเชียร์กันอยู่แล้ว