เป็น 172 คน จากการแข่งขันชิง 5 เหรียญทอง ประกอบด้วย ชายเดี่ยว 38 คน, หญิงเดี่ยว 38 คน, ชายคู่ 32 คน จากจำนวน 16 คู่, หญิงคู่ 32 คน จาก16 คู่ และคู่ผสม 32 คน จากจำนวน 16 คู่ เช่นกัน
สำหรับนักกีฬาแบดมินตันไทย ถือว่าเป็นกีฬาอีกประเภทที่เรียกได้ว่า “ลุ้นเหรียญ” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เนื่องเพราะผลงานที่ผ่านมา รวมถึงความพร้อมและความแข็งแกร่งที่ถึงจุดสูงสุด
โดยนักแบดมินตันไทยมีคะแนนเก็บคว้าสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันรวม 7 คน จาก 4 ประเภท ประกอบด้วย หญิงเดี่ยว “เมย์” รัชนก อินทนนท์ และ “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธ์ ชายเดี่ยวจาก “กัน” กันตภณ หวังเจริญ
คู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย และ ประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ
มาทำความรู้จัก รำลึกผลงานและมองถึงความหวังของเหล่า 7 นักตบขนไก่ จาก 4 ประเภท ในการล่าเหรียญ “โตเกียว เกมส์” ว่ามีมากน้อยเพียงใด
หญิงเดี่ยว “เมย์” รัชนก อินทนนท์ และ “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธ์
นักแบดมินตันดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา ถือเป็นความหวังสูงสุด “เมย์-รัชนก” ในวัย 26 ถือเป็นช่วงพีคของนักกีฬา ผ่านการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกมาแล้ว 2 สมัย นันจาก ลอนดอน เกมส์ ประเทศอังกฤษ โดยผ่านถึงรอบ 8 คนสุดท้าย ก่อนที่จะแพ้ หวัง ซิน จากจีน 1-2 เซต และล่าสุด ริโอ เกมส์ ที่ประเทศบราซิล 2016 ตกรอบ 16 คนสุดท้าย ในการพ่ายแพ้ให้กับ อกาเนะ ยามากูชิ นักแบดญี่ปุ่น 2 เกมรวด
ในการแข่งขัน “โตเกียว เกมส์” ครั้งนี้ อดีตมือ 1 โลกและเป็นแชมป์โลกอายุน้อยในประวัติศาสตร์ มีความมุ่งมั่นอย่างมากที่ประสบความสำเร็จในการคว้าเหรียญ แต่ยังมีคู่แข่งหลายคนที่ถือเป็นด่านสำคัญ โดยเฉพาะเพื่อนรัก “ไท้ ซื่อ หยิง” มือ 1 โลกจากไต้หวัน แม้จะผลัดแพ้ชนะกันมาแต่ในช่วงหลัง “เมย์-รัชนก” เป็นรองโดยเฉพาะเรื่องพละกำลัง
รวมทั้งนักแบดมินตันเจ้าถิ่นคือ อากาเนะ ยามากูชิ และ โนโซมิ โอกูฮาระ
แต่ทั้งนี้จะอยู่ที่การประกบคู่และแบ่งสายว่าจะอยู่กลุ่มไหน และต้องเจอกับใครเป็นด่านแรก
หญิงเดี่ยวอีกคน “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธ์ ที่เข้าร่วมล่าเหรียญ “ครีม-บุศนันท์” ในวัย 25 ถือเป็นนักแบดมินที่มีความอึดและเหนียวที่สุดคนหนึ่งของไทย ผลงานโดดเด่นมาตั้งแต่เยาว์วัยด้วยการเป็นแชมป์ยุวชนโลก 2012 และติดทีมชาติมาตั้งแต่อายุน้อย ถือเป็นกำลังหลักในประเภททีมหญิงร่วมกับ “เมย์-รัชนก” ประสบความสำเร็จมากหลายรายการ
นักแบดมินตันผลผลิตจากค่ายบางโพ และ เอสซีจี สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ทุกคนในช่วงที่อยู่ในฟอร์มที่ดี ผลงานมักเข้ารอบลึกๆ ได้สม่ำเสมอ ผลงานล่าสุดคือการคว้าแชมป์แบดมินตันระดับ เวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 100 รายการ “ออร์เลอองส์ มาสเตอร์ส 2021” ประเทศฝรั่งเศส และเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย “ออลอิงแลนด์ โอเพ่น” ประเทศอังกฤษ ก่อนพ่าย โนโซมิ โอกูฮาระ
ในโอลิมปิกเกมส์ “ครีม-บุศนันท์” ถือเป็นม้ามืดที่ใครประมาทไม่ได้ เส้นทางและโอกาสส่วนหนึ่งอยู่ที่โชคดวงในการจับสลาก หากฟ้าเปิดการที่จะมีชื่อ “ครีม-บุศนันท์” ขึ้นรับเหรียญก็ไม่ใช่เป็นเรื่องเกินฝัน
ชายเดี่ยว “กัน” กันตภณ หวังเจริญ
นับตั้งแต่ “ซูเปอร์แมน” บุญศักดิ์ พลชนะ นักแบดมินตันชายเดี่ยวที่อนาคตไกลและมีความหวังหนีไม่พ้น “กัน” กันตภณ หวังเจริญ
ดาวรุ่งวัย 22 ถือว่าขึ้นมาเร็วมาก ผลงานเด่นคือการคว้าแชมป์ประเทศไทย เมื่อวัยเพียง 19 ปี
และในปีเดียวกันนั้นยังเข้าถึงรอบชิง “ปรินเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์มาสเตอร์ส 2017” ด้วยผลงานสุดยอดด้วยการชนะ “ลี ซี เจีย” มือดีจากมาเลเซีย 2-1 เกม แต่ในรอบชิงชนะเลิศเขาเป็นฝ่ายแพ้ “ทอมมี ซูเกียร์โต” ตัวท็อปจากอินโดนีเซีย 0-2 เกม
“กัน-กันตภณ” สร้างผลงานช็อกโลกด้วยการปราบนักแบดมินตันระดับโลกมาหลายราย ไม่ว่าจะเป็น “หลิน ตัน” แชมป์โลก 5 สมัย และแชมป์โอลิมปิก 2 สมัยของจีน เมื่อปี 2018 ที่อินโดนีเซียขณะวัยไม่ถึง 20
ล่าสุดคือคว่ำ โจว เทียนเฉิน มืออันดับ 2 ของโลกจากไต้หวันในรอบ 8 คน การแข่งขันแบดมินตันในศึกชิงแชมป์โลก 2019 “โทเทิ่ล บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ แชมเปี้ยนส์ชิพ 2019” ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในโอลิมปิกเกมส์ ความคล่องตัวและความเหนียวของนักแบดมินตันไทย “กัน” กันตภณ หวังเจริญ จะเป็นปัญหาให้คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน แม้โอกาสลุ้นเหรียญจะน้อย เนื่องจากประสบการณ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
คู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย
ผลงานลือลั่นสนั่นโลกคือการคว้าแชมป์ 3 รายการติดในการแข่งขันที่ประเทศไทย เมื่อต้นปี และยึดคู่ผสมมือ 2 ของโลกอย่างเหนียวแน่น
แต่ต้องยอมรับว่า การคว้าแชมป์แบบไร้ปัญหาของ “บาส-ปอป้อ” สาเหตุส่วนหนึ่งคือการขาดคู่ต่อสู้สำคัญจาก ญี่ปุ่น และคู่มือ 1 จากจีน เจิ้งซีเหว่ย กับ หวงย่าเฉียง อย่างไรก็ตามการปราบคู่แข่งทั้งจาก เกาหลีใต้ และ อินโดนีเซีย รวมถึงคู่จากยุโรป ล้วนให้เห็นผลงานและความสามารถว่า “เก่งจริง”
อีกทั้งในการเจอคู่มือ 1 โลก เจิ้งซีเหว่ย กับ หวงย่าเฉียง คู่ผสมของไทย “บาส-ปอป้อ” ก็เคยเอาชนะมาแล้ว ล่าสุดในรายการ “โคเรีย โอเพ่น 2019” ประเทศเทศเกาหลีใต้ คู่ผสมของไทยเอาชนะมา 2 เกมรวด 21-14 และ 21-13ถือว่าขาดลอยและใช้เวลาเพียง 34 นาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังกวาด 3 แชมป์ในบ้านเมื่อต้นปี “บาส-ปอป้อ” ยังไม่มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นรายการสำคัญอย่าง “ออล อิงแลนด์ โอเพ่น” แต่หวังจะเข้าลับฝีมือในสองรายการสุดท้ายศึก “มาเลเซีย โอเพ่น” และ “สิงคโปร์ โอเพ่น” สุดท้ายโดนตัดจบยกเลิกการแข่งขันเนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้ “บาส-ปอป้อ” ต้องซ้อมต่อไป
เช่นเดียวกับคู่มือ 1 โลก เจิ้งซีเหว่ย กับ หวงย่าเฉียง ที่ไม่มีการแข่งขันต่างประเทศเนื่องจากรัฐบาลจีนไม่อนุญาตให้ออก จึงมีสถานการณ์ไม่ต่างกัน
เมื่อมองถึงโอกาสใน โอลิมปิก แล้ว หลายคนยังเชื่อว่า คู่ผสม ไทย และ จีน ถือเป็นสองชาติสำคัญที่จะแย่งเหรียญทอง โตเกียว เกมส์ แต่ต้องระวังคู่ผสมจาก ญั่ปุ่น เจ้าภาพและ เกาหลีใต้ ที่มีโอกาสปาดหน้าคว้าเหรียญไปเช่นกัน
ประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ
ปิดท้ายด้วยหญิงคู่หน้าตาดี “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กับ “วิว” รวินดา ที่ผลงานนับจาก 3 รายการในประเทศไทยถือว่าดีขึ้นมาก
จุดเด่นของคู่สาวไทยคือการเล่นที่รวดเร็ว สามารถพลิกเกมได้หลายจังหวะ แต่มีจุดอ่อนในเรื่องของความหนัก และการตีเสียเองที่เกิดขึ้นทำให้แจกแต้มคู่ต่อสู้แบบไม่ต้องออกแรง
แม้ผลงานไม่เปรี้ยงปร้างในศึกสำคัญ แต่หญิงคู่ของไทย เก็บแชมป์มาแล้วหลายรายการ ผลงานล่าสุดที่ถือได้ว่าเรียกความมั่นใจก่อนลุย โอลิมปิก คือการคว้าแชมป์ในรายการ ออร์เลอองส์ มาสเตอร์ 2021 ที่ประเทศฝรั่งเศส
คู่แข่งขันสำคัญในเส้นทางการชิงเหรียญโอลิมปิกคือ 3 ชาติสำคัญ คือ จีน เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ซึ่งล้วนแต่เป็นก้างสำคัญที่คู่ของไทยไม่น่าจะเอาชนะได้ง่ายๆ แต่ก็เช่นกัน หากผลการจับสลากออกมาเป็นใจ ประกอบกับฟอร์มในช่วงเวลานั้น อะไรที่มองว่ายาก อาจเป็นเรื่องง่ายไปได้เช่นกัน
สรุปภาพรวมของการล่าเหรียญ โอลิมปิก เกมส์ เรียกได้ว่าไทยมีโอกาสมากที่สุดจาก 2 ประเภทคือ หญิงเดี่ยว และ คู่ผสม ส่วนอีก 2 ประเภท ชายเดี่ยว และ หญิงคู่ ถือว่าเป็นตัวสอดแทรก
หากทำสำเร็จก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการแบดมินตันไทยในการคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์
เผยแพร่: 2 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.