สู้ต่อไป…พรปวีณ์


สู้ต่อไป...พรปวีณ์

“หนูเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่คุณพ่อคุณแม่ ส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬา หนูเล่นแบดมินตัน ตามพี่สาว (พชรพรรณ ช่อชูวงศ์)”

    “พอหนูโตขึ้น พ่อกับแม่ส่งหนูไปเรียนแบดมินตันทุกวัน อย่างจันทร์-ศุกร์ ฝึกซ้อมช่วงเย็นหลังเลิกเรียนอยู่ภายในจังหวัดระยอง ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ คุณพ่อกับคุณแม่จะขับรถพาไปเช้า-เย็นกลับ มาซ้อมที่กรุงเทพ เป็นอย่างนี้จนได้เข้าโครงการSCG ของสมาคมแบดมินตัน เมื่ออายุ 11 ขวบ 

    นี่คือบทสัมภาษณ์ของ “น้องหมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ เมื่อเดือน ก.พ.จาก เวบไซด์ ข่าวสารจุฬา นักแบดมินตัน คนเดียวของไทยที่พึ่งเข้าชิงชนะเลิศ รายการใหญ่และเก่าแก่ของโลก  “ออล อิงแลนด์” ที่เบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ….

    อย่างที่ทราบผลนะครับ น้องหมิว สู้ความแข็งแกร่งทั้งการเล่นและ ประสบการณ์ นัดชิงรายการใหญ่ โอกูฮาระ มือสองของโลกไม่ไหว แพ้ไป 0-2 เกม 16-21,12-21 

สู้ต่อไป...พรปวีณ์

    ผมนั่งดูเอาใจช่วย แต่ก็ต้องยอมรับว่า โอกูฮาระ แข็งแกร่งจริงๆ ลูกเก่งของ “น้องหมิว” อย่างโฟร์แฮนด์ เธอเก็บได้หมด ฟุตเวิร์ค หรือกำลังขาดีมาก วิ่งคอร์ตได้ทุกมุม ไม่มีหมดแรง แถมตีเสียเองนับครั้งได้อีก…ก็ต้องยอมรับตรงนั้น 

    แม้ “รองแชมป์”  ไปไม่ถึงดางดาว  แต่เรื่องราวการต่อสู้ของเธอน่าติดตามอย่างยิ่งครับ  ไม่ได้เขียนดราม่า เรียกร้องอะไร ผมก็ติดตามอยู่และคิดว่าเรื่องราวของ “น้องหมิว” น่าสนใจมาก

    ข้อมูลข่าวทั้งสยามกีฬา, ไทยรัฐ,มติชน นำเสนอมาตลอดสองสามปี เรื่องของการต่อสู้ในแบบของ “น้องหมิว”  นี่แหละ จากการติดตามข่าวแบดมินตัน เราก็รู้มาตลอดว่านี่คือกีฬาที่ต้องสู้จริงๆ

    มันยังไม่เป็นอาชีพแบบทำรายได้มากมายเหมือนฟุตบอลหรือกอล์ฟ นักแบดมินตัน ต้องแข่งขันเพื่อหาแรงกิ้งระดับโลก ล่าเงินรางวัล ลงทุนกับเงินค่าใช้จ่าย เดินทาง, ที่พัก,อาหารการกิน, ค่าจ้างโค้ช จิปาถะ กว่าที่จะประสบความสำเร็จ ….ใช้เงินมากเท่าไหร่

    มันไม่ง่ายเลย…จริงๆ

    แน่นอนบ้านเรานักแบดมินตัน ส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากสมาคม มีแผนงาน, มีโปรแกรมซ้อม, ให้การสนับสนุนโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายทั้งหมด

    ขณะที่ “น้องหมิว” พรปวีณ์ เองก็เคยเข้าไปอยู่ในระบบนี้ เพียงแต่เธอและครอบครัวมองว่า การเป็นนักกีฬาอิสระน่าจะเหมาะกับเธอมากกว่า “การได้เป็น นักกีฬาของสมาคมฯ มันดีมากสำหรับหนูในตอนนั้น หนูมีเงินเดือน มีเบี้ยเลี้ยง โบนัส เรื่องการฝึกซ้อม การแข่งขัน ทุกอย่างสมาคมจัดการให้หมด หนูมีหน้าที่แค่ซ้อมตามระบบที่เขาวางไว้ และไปแข่งขันตามรายการต่างๆ ที่ผู้ใหญ่ส่งแข่ง”

สู้ต่อไป...พรปวีณ์

    ทว่า….ผลงานของเธอไม่ได้พัฒนาขึ้นตั้งแต่ระดับเยาวชน เธอ กลับครอบครัวจึงตัดสินใจเดินออกจากสมาคม ถึงสองรอบ “เขาไม่เคยมากดดันหรือตำหนิหนู หนูว่ามันสบายมาก แต่เวลาลงไปแข่งจริงแล้วแพ้ หนูรู้สึกอายนะ เหมือนตัวเองตัน ไม่สามารถพัฒนาตัวเองไปได้มากกว่านี้แล้ว” 

    เธอให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลในการตัดสินใจด้วยส่วนหนึ่ง 

    เธอลาออกจากสมาคมแบดมินตันช่วงกลางปี 2562 เป็นนักกีฬาอิสระ ต้องทำด้วยตัวเองทั้งหมด ซ้อม, ส่งชื่อแข่ง, จองตั๋วเครื่องบินและที่พักเองทั้งหมด ไม่มีสปอนเซอร์ในช่วงแรก ครอบครัวต้องลงทุนค่าสนับสนุนทั้งค่าใช้จ่ายและแรงใจ

    โดยมีโค้ช ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ อดีตนักแบดมินตันไทย คอยติวเข้ม ที่สำคัญพอเธอเข้าเรียนหนังสือในโครงการช้างเผือก ที่คณะครุศาสตร์, จุฬา เธอต้องแบ่งการเรียนและการเล่น ให้สมดุลกันด้วย

    ซึ่งอาจารย์หรือคนใกล้ชิดในจุฬาที่ผมสอบถามมา..ยืนยันว่า นี่คือนักกีฬาตัวอย่าง ไม่ใช่เอาแต่ไปแข่ง ไม่มาเรียน ถึงเวลามาสอบ แต่เธอรับผิดชอบเรื่องเรียนดีมาก เมื่อต้องเรียนและแข่งขันไปด้วย…ยิ่งเป็นอุปสรรคที่ยากกว่าเดิมอีกเท่าตัว

    แต่ทำไงได้…เธอก็ต้องปูทางเรื่องการศึกษาเอาไว้ด้วย เมื่อถึงวันที่เลิกเล่น ได้มีวิชาความรู้ติดตัวไปทำงานได้ อีกทั้งการออกจากสมาคมถือว่า “ท้าทาย” ในการใช้ชีวิตนักกีฬาแบบนี้มากครับ

    มันก็แปลกอยู่ว่า..พอเป็นนักกีฬาอิสระ  “น้องหมิว” กลับมีผลงานดีขึ้น โดยเฉพาะการล้ม คาโรลินา มาริน นักแบดสเปน  เจ้าของแชมป์โลกและเหรียญทองโอลิมปิก เมื่อปีที่แล้ว สู้ทั้งในและนอกคอร์ต โดยเฉพาะเสียงเชียร์ที่หนุนหลัง มาริน เธอก็คว้าแชมป์รายการ บาร์เซโลนา มาสเตอร์ ได้สำเร็จ

    จากนั้นต่อเนื่องใน bwf เวิลด์ทัวร์ ไฟน่อล เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เธอสร้างชื่อด้วยการชนะ รัชนก อินทนนท์ และไถ่ ซื่อ หยิง มือหนึ่งโลก เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ นับว่าเป็นผลงานที่ก้าวหน้า จนล่าสุดใน “ออล อิงแลนด์” 

สู้ต่อไป...พรปวีณ์

    เธอล้มมือดี นักแบดมินตัน อินเดียอย่าง พีวี สินธุ ก่อนเข้าชิงชนะเลิศกับ โอกูฮาระ ที่ปราบทั้ง รัชนกและ บุศนันท์ แหม…นี่จัดการนักแบดมินตันไทยสามคนเลย 

    เส้นทางต่อไปที่อยากให้ช่วยส่งแรงใจคือ…การล่าตั๋วไปโอลิมปิก ซึ่งประเภทเดี่ยวนั้นได้โควต้าชาติละสอง (มืออันดับ1-16โลก) 

    รัชนก อินทนนท์ ได้ไปแล้ว ตามแรงกิ้ง เหลืออีกหนึ่งที่ต้องแข่งขันกับแบดมินตัน ไทย ตามแรงกิ้ง บุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธ์ คงต้องไล่ล่าแต้มที่ โอลิมปิกยืดให้ถึง15 มิ.ย.

    หากเส้นทางสายโอลิมปิกคืออีกหนึ่งความสำเร็จ เพียงแค่ผ่านคัดเลือกไปแข่งขันได้…นั่นก็เหมือนคว้าถ้วยรางวัลแล้ว ที่เหลือคือโบนัส….

    เป็นโบนัสจากการต่อสู้ในแบบของเธอ 

Jackie

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร

Add friend ที่ @Siamsport