จากจำนวนทั้งหมด 33 กีฬาที่จัดการแข่งขัน โดยมี 5 ชนิดกีฬาใหม่ที่ถูกบรรจุเพิ่มเข้ามา สเก็ตบอร์ด, ปีนหน้าผา, เบสบอลและซอฟท์บอล, คาราเต้ รวมถึงกระดานโต้คลื่น จะมีนักกีฬาจากประเทศไทย 42 คน ลงทำการแข่งขัน 14 ชนิดกีฬา
คือ ยิงปืนและยิงเป้าบิน, ขี่ม้า, เทควันโด, จักรยาน, เรือใบและวินด์เซิร์ฟ, มวยสากล, กรีฑา, เทเบิลเทนนิส, เรือแคนู, เรือกรรเชียง, กอล์ฟ, ยูโด, ว่ายน้ำ และ แบดมินตัน เมื่อแยกกลุ่มชนิดกีฬาและนักกีฬาไทย สรุปออกมาดังนี้
1. ยิงปืนและยิงเป้าบิน นักกีฬา 6 คน
“กัปตัน” อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์ นักกีฬายิงปืน ประเภทปืนสั้นยิงเร็ว 25 ม. ชาย
เกิดวันที่ 26 มิถุนายน 2547 ในวัย 15 กลายเป็นนักกีฬาไทยที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ที่ได้เข้าร่วมโอลิมปิก หนุ่มน้อยจากเมืองย่าโมหลงเสน่ห์การยิงปืนตั้งแต่ 8 ขวบ ใช้เวลาแค่ 4 ปี ไต่เต้าขึ้นสู่การเป็นตัวแทนทีมชาติไทย ด้วยผลงานติดอันดับ 10 ชิงแชมป์เอเชีย
“เอิน” ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ นักกีฬายิงปืน ประเภทปืนสั้นสตรี 25 ม. หญิง
นักแม่นปืนสาวประสบการณ์สูง รับใช้ชาติมานานถึงสองทศวรรษในวัย 32 ปี สร้างผลงานมาแล้วหลายรายการ อาทิ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ชิงแชมป์โลก, 1 เหรียญทองชิงแชมป์เอเชีย, 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ซีเกมส์ และ 1 เหรียญเงินเอเชียนเกมส์
“ธันย่า” ธันยพร พฤกษากร นักกีฬายิงปืน ประเภทปืนสั้นสตรี 25 ม. หญิง
ติดทีมชาติตั้งแต่อายุยังน้อย ในวัย 30 ปี เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์เป็นสมัยที่ 4 ถือว่ามากที่สุดคนนึ่งของนักกีฬาไทย โดดเด่นในประเภทปืนสั้นสตรี และเป็นแชมป์ซีเกมส์ 5 สมัย นอกจากนี้ยังมีผลงานระดับโลกคือ 1 เหรียญเงินชิงแชมป์โลก 2012 ที่เยอรมัน
“แซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬายิงเป้าบิน ประเภทแทร็ปชาย
เป็นโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของนักกีฬายิงปืนในวัย 57 ปี เป็นประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาไทยอายุมากที่สุดที่ผ่านเข้าสู่มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ผลงานสำคัญในระดับชาติคือ 1 เหรียญเงิน ชิงแชมป์โลก และ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง ซีเกมส์
“ณี”สุธิยา จิวเฉลิมมิตร นักกีฬายิงเป้าบิน ประเภทสกีตหญิง
ใกล้เคียงกับความสำเร็จมาหลายหน ทุ่มเทและฝึกซ้อมด้วยทุนส่วนตัวมายาวนาน นักแม่นปืนสาวจากปราจีนบุรี เป็นอีกคนที่เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกเป็นสมัยที่ 4 ตระเวณแข่งขันยิงเป้าบินและประสบความสำเร็จมาทุกรายการ เว้นเพียง โอลิมปิกเกมส์ ที่ได้แค่ใกล้เคียง แต่ยังไม่เคยได้รับเหรียญ โดยผลงานที่ผ่านมา อาทิ 2 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง เวิลด์คัพ, 1 เหรียญทอง 3 เหรียญทองแดง เอเชียนเกมส์, 3 เหรียญทองชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่คูเวต และ 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ
“วอร์ม” อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข นักกีฬายิงเป้าบิน ประเภทสกีตหญิง
ในวัยเบญจเพศแม้ไม่มีประสบการณ์แข่งขันมากนัก แต่จากผลงาน 3 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 3 ทองแดงชิงแชมป์เอเชีย ทำให้สาวจากเมืองหลวงคว้าสิทธิ์สำคัญผ่านเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ในสถานการณ์ที่ไม่กดดันอาจทำผลงานได้ดีและมีความสำเร็จติดตัวกลับมาได้เช่นกัน
2. ขี่ม้า นักกีฬา 3 คน
3 นักกีฬาขี่ม้า ประเภททีมอีเว้นท์ติ้ง ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้เข้าร่วมโอลิมปิก ประกอบด้วย “บอมบ์” วีรภัฎ ปิฏกานนท์, “มิ้นท์” อารีย์ณัฏฐา ชวตานนท์ และ “นัท”กรธวัช สำราญ ถือเป็นผลงานที่เหนือความคาดหมาย แม้ว่าไม่ใช่กีฬายอดนิยมของประเทศไทย แต่นักกีฬาขี่ม้าทั้ง 3 ล้วนมีประสบการณ์และความมุ่งมั่นรวมถึงความพร้อมในการแข่งขัน เพื่อหวังทำผลงานให้ดีที่สุด
3. เทควันโด นักกีฬา 2 คน
“เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เทควันโด รุ่น 49 กก. หญิง
ถือเป็นเต็งหนึ่งในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ อันเนื่องมาจากผลงานระดับโลก กวาดแชมป์มาทุกรายการจอมเตะจากสุราษฎร์ธานี เกือบทำสำเร็จมาแล้วใน “ริโอ เกมส์” โอลิมปิก 2016 แต่กลับพลิกแพ้ให้คู่แข่งช่วง 4 วินาทีสุดท้ายในรอบตัดเชือกจนเสียน้ำตามาแล้ว แต่ก็ยังมีเหรียญทองแดงปลอบใจ ครั้งนี้จึงแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจพร้อมกระชากเหรียญทอง ในวัย 23 “เทนนิส” กวาดมา 18 แชมป์จาก 21 รายการที่ลงแข่ง ผลงานสำคัญคือ ก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์โลก 2 สมัย และนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นมือ 1 โลก ที่ยังไม่เคยปราชัยให้กับใครอีกเลย
“เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ
“จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี รุ่น 58 กก.ชาย
เป็นนักเทควันโดคนที่สองของนักกีฬาไทย หลังไปแย่งตั๋วในการแข่งขันรอบคัดเลือก โอลิมปิก 2020 โซนเอเชีย ที่จอร์แดน รายการสุดท้ายก่อน “โตเกียว เกมส์” โดยในศึกครั้งนั้ยไทยส่งไป 3 ตกรอบหมดเหลือเพียง “จูเนียร์” รามณรงค์ หนุ่มจากเมืองหลวงวัย 24 ที่ทำสำเร็จ ด้วการเอาชนะนักกีฬาจากคีย์จิกิสถาน และปากีสถาน อย่างขาดลอย สำหรับผลงานที่ผ่านมาก็ไม่ธรรมดา อาทิ 3 เหรียญทองซีเกมส์ (2013, 2017, 2019), 2 เหรียญเงินชิงแชมป์เอเชีย (2016, 2018), 1 เหรียญเงินเอเชียนเกมส์ (2014) และ 2 เหรีญทองแดงชิงแชมป์โลก (2015, 2017)
4. จักรยาน นักกีฬา 2 คน
“บีซ” จุฑาธิป มณีพันธุ์ นักกีฬาจักรยาน ประเภทถนน
สตรีน่องเหล็กอยู่ยงคงกระพันในแวดวงจักรยานมายาวนาน นับจากสร้างชื่อครั้งแรกจากการคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2014 ถือเป็นนักกีฬาจักรยานไทยคนแรกและคนเดียวที่ผ่านเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ ถึง 3 สมัย นับจาก “ลอนดอน เกมส” 2012 และล่าสุด 2016 “นิโอ เกมส์” มาจนครั้งนี้ แม้เคยประสบอุบัติเหตุประสานงากับรถกระบะระหว่างการฝึกซ้อม ไห้ปลาหักสองท่อนจนต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่ยังคงมุ่งมั่นกับกีฬาสองล้อ และหวังทำผลงานให้ดีที่สุดในโอลิมปิกครั้งสุดท้ายด้วยวัย 32 ปี
“ฟ้า”ชุติกาญจน์ กิจวานิชเสถียร จักรยาน ประเภท BMX Racing
เด็กหญิงเติบโตท่ามกลางครอบครัวนักกีฬา BMX จากจังหวัดสระบุรี ทำให้เธอซึมซับภาพจำของเจ้าสองล้อมาตั้งแต่วัยเยาว์และกลายมาเป็นกีฬาเพียงชนิดเดียวที่เธอทุ่มเทให้ทั้งชีวิต ในวัย 22 ปี แต่มีดีกรีระดับประเทศมากมาย โดยเฉพาะการเป็นแชมป์ประเทศไทยตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จนกลายเป็นประวัติศาสตร์ แชมป์ประเทศไทย 12 สมัย นอกจากนี้ยังคว้าเหรียญทอง รายการนานาชาติที่ประเทศ อินโดนีเซีย, เหรียญเงิน รายการ ฮิตาชินากะ อินเตอร์เนชั่นเนล ประเทศญี่ปุ่น, เหรียญเงินซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย, เหรียญเงินชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่จังหวัดชัยนาท และ เหรียญเงินเอเชียนเกมส์ 2018 ที่ประเทศอินโดนีเชีย
5. เรือใบและวินด์เซิร์ฟ นักกีฬา 3 คน
“แบม” กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม นักกีฬาเรือใบ ประเภทเลเซอร์ เรเดียลหญิง
สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาเรือใบหญิงไทยคนแรกที่ผ่านเข้าร่วมโอลิมปิกถึง 2 สมัย สาววัย 24 เริ่มหัดเล่นกีฬาเรือใบตั้งแต่ 8 ขวบ ผลงานเด่นคือ 1 เหรียญทองชิงแชมป์เอเชีย, 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ซีเกมส์, 1 เหรียญเงินเอเชียนบีชเกมส์ 2014 ที่ไทย และ 1 เหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เกาหลีใต้
“ดาว” ศิริพร แก้วดวงงาม นักกีฬาวินด์เซิร์ฟ ประเภท RS:X หญิง
สาววัย 26 ฝึกฝนเติบโตจากหาดจอมเทียน ประเดิมความสำเร็จด้วยแชมป์ยูธโอลิมปิกเกมส์ 2010 ต่อด้วยรองแชมป์เยาวชนโลกในปีถัดมา และพุ่งสูงสุดแชมป์โลกในปี 2016 และถือเป็นการไล่ล่าความสำเร็จในโอลิมเกมส์ครั้งที่ 2 แม้ครั้งแรกจาก “ริโอ เกมส์” เป็นพียวได้ประสบการณ์ แต่การแข่งขัน “โตเกียว เกมส์” ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความหวังในฐานะแชมป์โลก นอกจากนี้ยังมีความสำเร็จอีกหลายรายการ อาทิ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ชิงแชมป์เอเชีย, 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ซีเกมส์, 2 เหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์
“โอ๊ต”ณัฐพงษ์ โพธิ์นพรัตน์ นักกีฬาวินด์เซิร์ฟ ประเภท RS:X ชาย
ในวัย 22 ปี หนุ่มน้อยจากเมืองชลเห็นและเล่นกีฬาวินด์เซิร์ฟมาตั้งแต่เด็ก พร้อมกับความฝันอยากติดทีมชาติ ด้วยพรสวรรค์และความมุ่งมั่นทำให้มีชื่อติดธงตั้งแต่อายุยังน้อย และผ่านโอลิมปิกเกมส์มาแล้วตั้งแต่ “ริโอ เกมส์” 2016 โดยผลงานที่ผ่านมาคือ เหรียญทองซีเกมส์ 4 สมัย และเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ 2014
6. มวยสากล นักกีฬา 5 คน
“ครีม” ใบสน มณีก้อน รุ่น 69 กก. หญิง
สาวน้อยวัย 19 จากนักมวยไทยก้าวสู่สังเวียนผ้าใบสากล พรสวรรค์และการตั้งใจฝึกซ้อมบวกกับความมุ่งมั่นในความฝันที่จะติดทีมชาติ จนติดทีมเยาวชนเอเชียปี 2019 แข่งขันที่ประเทศมองโกเลีย และทำสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์รุ่น 69 กก.หญิง พร้อมรางวัลนักชกยอดเยี่ยม ก็เพียงพอทำให้สาวจากกาฬสินธุ์คว้าสิทธิ์ไปชิงเหรียญในโอลิมปิก 2020 ได้เป็นครั้งแรกในชีวิต
“เหลิม” ธิติสรรค์ ปั้นโหมด รุ่น 52 กก. ชาย
ความหวังใหม่ในวงการมวยสากลสมัครเล่นของไทย ในวัย 19 ปี นักชกจากเมืองชาละวันที่หวังฝึกวิชามวยไทยไว้เพื่อปกป้องกันตัว แต่ทักษะเชิงสากลที่โดดเด่นเกินวัยจึงแบนเข็มสู่เวทีเสื้อกล้าม ก่อนจะสร้างชื่อด้วยการเป็นแชมป์เยาวชนโลก 2018 ในการชกรุ่น 49 กิโลกรัมชาย ก่อนจะมาโค่นแชมป์โอลิมปิก 2016 ในอีก 2 ปีต่อมาพร้อมกับคว้าตั๋วโอลิมปิก 2020 มาครอง
“แต้ว” สุดาพร สีสอนดี รุ่น 60 กก. หญิง
หากนับถึงประสบการณ์และความสำเร็จ นักชกสาวจากอุดรธานี “แต้ว-สุดาพร” ถือว่ามากพอที่จะเป็นความหวังในการคว้าเหรียญ หลังจากรับใช้ชาติและประสบความสำเร็จมาตั้งแต่ซีเกมส์ 2011 โดยเฉพาะในปี 2018 ถือเป็นเป็นปีทองของเธอได้รองแชมป์โลกและเอเชียนเกมส์ ปัจจุบันในวัย 29 พร้อมแล้วทั้งร่างกายและจิตใจที่จะไปให้ถึงฝัน
“สด”ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี มวยสากล รุ่น 57 กก. ชาย
เป็นความหวังของกำปั้นไทยมานานนับทศวรรษ หลังจากยอดนักชกจากสระแก้ว ติดทีมชาติครั้งแรกในซีเกมส์ 2009 และคว้าเหรียญทองสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีผลงานเด่นคือคว้าแชมป์เอเชียปี 2015 เหรียญทองแดงชิงแชมป์โลกปี 2013 กวาดอีก 4 เหรียญทองจากซีเกมส์ 6 สมัย ผ่านโอลิมปิกมาแล้วถือเป็นสมัยที่ 3 ปัจจุบันในวัย 35 ปี กำปั้นโอลิมปิกเกมส์อาจเป็นทัวร์นาเม้นท์สุดท้ายที่เจ้าตัวตั้งใจจะทำผลงานในดีที่สุดก่อนอำลาทีมชาติ
“เฟี้ยว”จุฑามาศ จิตรพงศ์ รุ่น 51 กก.หญิง
นักชกทีมชาติไทยที่คว้าตั๋วโอลิมปิกใบสุดท้ายอย่างเฉียดฉิว ภายหลังนักชกทีมชาติเกาหลีเหนือ ตัวเต็งของรุ่นนี้มีการถอนตัวเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้โควต้าตกลงมาที่ “เฟี้ยว-จุฑามาศ” ในฐานะนักชกอันดับที่ 11 ของโลก และดีที่สุดในเอเชียที่ยังไม่ได้เข้ารอบสุดท้าย นักชกดาวรุ่งวัย 23 จากนครศรีธรรมราช แม้จะเริ่มชกมวยสากลได้แค่ 4 ปี แต่ทักษะการชกที่ดีทำให้มีผลงานที่จัดว่าน่าพึงพอใจ อาทิ 1 เหรียญทองแดง ซีเกมส์ 2019 ประเทศฟิลิปปินส์, เหรียญทองแดง จากเชก ทัวร์นาเม้นท์ 2019 และ เหรียญทองแดง เบรารุส ทัวร์นาเม้นท์ 2019
7. กรีฑา นักกีฬา 2 คน
คีริน ตันติเวทย์ ประเภทวิ่ง 10,000 ม. ชาย
ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ไทยส่งนักกรีฑาที่มีความหวังในการวิ่งระยะไกล “คีริน” นักวิ่งลูกครึ่งไทย-สหรัฐ รับใช้ทีมชาติไทยมาตั้งแต่ปี 2017 สร้างความประทับใจและเป็นที่รู้จักในการวิ่งเข้าเส้นชัยด้วยรองเท้าข้างเดียว รวมถึงการคว้า 2 เหรียญทองซีเกมส์ 2019 จากการแข่งขันที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในวัย 23 “คีริน” อยู่ในช่วงสด และสามารถทำสถิติในการวิ่งดีขึ้นตามลำดับ
“เบญ”สุเบญรัตน์ อินแสง ประเภทขว้างจักรหญิง
ชีวิตนักกีฬาที่ถูกล้อเลียนในเรื่องรูปร่างมาตั้งแต่เด็ก กลายเป็นเรื่องฮึดให้กลายเป็นนักกีฬาจอมพลัง สาวนักขว้างจักรสาวจากสุราษฎร์ธานี วัย 26 ประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยรุ่น ติดทีมชาติไทยไปคว้าแชมป์ซีเกมส์ 5 สมัย และได้ไปโอลิมปิกเกมส์อีก 2 ครั้ง ถือเป็นนักขว้างจักรหญิงไทยที่เก่งกาจเท่าที่นักกีฬาไทยเคยมีมา นอกจากนี้ยังมีผลงาน เหรียญทองเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย 2012 รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ที่ประเทศศรีลังกา, เหรียญเงินชิงแชมป์เอเชีย 2017 ที่ประเทศอินเดีย, เหรียญทองแดงกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2013 ที่ประเทศรัสเซีย และ เหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชีย 2019 ที่ประเทศกาตาร์
8. เทเบิลเทนนิส นักกีฬา 2 คน
“หญิง” สุธาสินี เสวตรบุตร เทเบิลเทนนิส ประเภทหญิงเดี่ยว
นักปิงปองสาววัย 27 ปีจากเมืองระนอง ถือเป็นนักเทเบิลเทนนิสหญิงที่ดีที่สุดของไทยสร้างผลงานที่น่าประทับใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์หญิงเดี่ยว 3 สมัย เหรียญทองซีเกมส์ 2015, 2017 และ 2019 ล่าสุดคือการเป็นนักปิงปองอาชีพที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ “หญิง-สุธาสินี” ซุ่มซ้อมอย่างหนักและเก็บตัวอยู่ที่อ่าวประจวบฯ เพื่อหวังสร้างความสำเร็จใน “โตเกียว เกมส์”
“ทิพย์” อรวรรณ พาระนัง เทเบิลเทนนิส ประเภทหญิงเดี่ยว
เป็นอีกคนที่คว้าสิทธิ์เข้าร่วมโอลิมปิค นักตบลูกเด้งจากอุบลราชธานี วัย 23 เกิดในครอบครัวยากจน แต่ด้วยพรสวรรค์และโชคชะตาที่มาพานพบครูใจดีซื้อไม้ปิงปองให้ฝึกซ้อมแข่งขัน ด้วยความฝันและตั้งใจจึงหมั่นฝึกฝนตัวเองอย่างหนักจนประสบความสำเร็จก้าวติดเป็นนักกีฬาทีมชาติและกลายเป็นนักกีฬาปิงปองไทยคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิก หลังทำผลงาน 1 เหรียญทองซีเกมส์ 2019, 1 เหรียญทองไทยแลนด์ โอเพ่น 2018 และ 2 เหรียญทอง “โกลเด้นแร็กเก็ต” ที่เวียดนาม
9. เรือแคนู นักกีฬา 1 คน
“อ้อย” อรสา เที่ยงกระโทก ประเภทเรือแคนู สปริ้นท์ 1 คนหญิง ระยะ 200
เป็นอีกคนที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรก แต่สำหรับ “อ้อย-อรสา” นักกีฬาสาววัย 22 จากเมืองย่าโม ยังเป็นนักกีฬาเรือแคนูไทยคนแรกในประวัติศาสตร์โอลิมปิก ด้วยความสามารถและมีพื้นฐานจากกีฬาเรือยาวทำให้เธอพัฒนาได้ไวกับเรือแคนู ใช้เวลาฝึกซ้อมเพียงแค่ 8 เดือนก็ก้าวสู่ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ ผลงานครั้งแรกในนามทีมชาติก็สามารถคว้าเหรียญเงิน ก่อนสร้างผลงานยอดเยี่ยมในระดับเอเชีย คือแชมป์เอเชี่ยน โอเพ่น แคนู สปรินซ์ คัพ ประเทศอุซเบกิสถาน และ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญทองแดง แคนู สปรินซ์ แชมเปี้ยนส์ชิฟ อายุต่ำกว่า 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย ประเทศอุซเบกิสถาน
10. เรือกรรเชียง นักกีฬา 2 คน
“แซ็ค”นวมินทร์ ดีน้อย และ “โอ๊ต” ศิวกร วงศ์พิณ ประเภท 2 ฝีพายชาย รุ่นไลท์เวท
คู่หูนักกีฬาเรือกรรเชียงทีมชาติไทย ประเภท 2 ฝีพายชาย รุ่นไลท์เวท คว้าตั๋วโอลิมปิก 2020 หลังทำผลงานได้อันดับ 8 ในการแข่งขันรอบคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์ โซนเอเชียและโอเชียเนีย ที่ประเทศญี่ปุ่น โดย”แซ็ค” นวมินทร์ เป็นเด็กหนุ่มจากเชียงราย จากเด็กวัย 12 ที่ไม่รู้จักกีฬาเรือกรรเชียง แต่ถูกชักชวนให้ไปลองฝึกซ้อมเก็บตัวที่อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จ.นครราชสีมา กลายเป็นนักกีฬาที่แข็งแกร่ง ทำผลงาน 1 เหรียญเงินซีเกมส์ 2015 ประเทศสิงคโปร์ และ 1 เหรียญทองแดง จูเนียร์ แชมป์เปียนชิพ 2017 ปัจจุบันวัย 21 ปี ที่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างฝันให้เป็นจริง ส่วน “โอ๊ต” ศิวกร หนุ่มจากระยองเพื่อนร่วมรุ่นเติบโตมากับการแข่งเรือประเพณีในหมู่บ้านจนก้ามติดทีมชาติและมาเป็นคู่หูกับ “แซ็ค” ร่วมสู้กันในโอลิมปิกหนนี้
“แจ๊ส”อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ กอล์ฟบุคคลชาย
หนุ่มวัยเบญจเพศจากกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมโอลิมปิกเป็นครั้งแรก แต่มีผลงานโดดเด่นมาตั้งแต่ระดับเยาวชน ไม่ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์ สิงห์ ออล์ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ชิพ 2013, แชมป์ สิงห์ คาสสิค 2016-2017, แชมป์ควีนส์ คัพ 2018 รวมถึงการคว้าแชมป์รายการระดับนานาชาติในปี 2019 อย่างมากมาย อาทิ แชมป์ สิงคโปร์ โอเพ่น 2019, แชมป์ โคเรีย โอเพ่น 2019, แชมป์ อินโดนีเซีย มาสเตอร์ 2019 และ แชมป์ไทยแบลนด์ มาสเตอร์ 2019 แม้ชื่อไม่เปรี้ยงปร้างแต่ผลงานเรียกว่าเกินตัว ต้องจับตาม้ามืดของไทยรายนี้ให้ดี
“กัญจน์” กัญจน์ เจริญกุล กอล์ฟบุคคลชาย
ชื่อเล่นชื่อจริงชื่อเดียว”กัญจน์”นักกอล์ฟพ่อลูกอ่อนจากเมืองพังงา ติดทีมชาติครั้งแรกก็คือการเป็นตัวแทนเข้าสู้ในโอลิมปิกเกมส์ จากการลุยเจแปนทัวร์ จนมีความคุ้นเคยทั้งบรรยากาศสนามและสภาพอากาศ ทำให้เจ้าตัวมั่นใจจะสามารถทำเหรียญโอลิมปิกมาให้กองเชียร์ชาวไทยได้ชื่นใจ ด้วยวัย 32 มีประสบการณ์ระดับ เอเชี่ยนทัวร์มานาน คว้าแชมป์หลายรายการ อาทิ พีจีเอ มะละกา แชมเปี้ยนส์ชิพ 2014, แชมป์ หยูหนาน โอเพ่น 2014 และ แชมป์ โคเรีย แชมเปี้ยนส์ชิพ 2016
“เหมียว”ปภังกร ธวัชธนกิจ กอล์ฟบุคคลหญิง
“โปรเหมียว” ขวัญใจชาวไทยหรือสื่อต่างชาติเรียกว่า “แพตตี้” เริ่มตีกอล์ฟตั้งแต่ 9 ขวบ เพราะอยากออกทีวีเหมือน “ไทเกอร์ วู๊ด” จนเก่งกาจระดับเยาวชน กระทั่งได้ทุนไปศึกษาต่อที่สหรัฐ ก่อนสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 2 ที่คว้ารางวัลนักกอล์ฟเยาวชนหญิงยอดเยี่ยมในปี 2016 ของสหรัฐอเมริกา ต่อจาก “เม” เอรียา จุฑานุกาล และแจ้งเกิดในรายการเมเจอร์ ด้วยการคว้าแชมป์ เอเอ็นเอ อินสไปรส์เอชั่น 2021 โดยการนำแบบม้วนเดียวจบ กระโดดจากอันดับ 103 เป็น 13 ของโลก ในวัย 21 ต้องลุ้น “โปรเหมียว” กันยาวๆ
“เม” เอรียา จุฑานุกาาล กอล์ฟบุคคลหญิง
เป็นโอลิมปิกสมัยที่ 2 โดยครั้งแรกใน “ริโอ เกมส์ 2016” เอรียา ไปด้วยความหวังเพราะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงและฟอร์มกำลังยอดเยี่ยมหลังกวาดแชมป์มามากมาย พร้อมออกสตาร์ทเป็นผู้นำตั้งแต่วันแรก สุดท้ายไปได้แค่ครึ่งทางก็ต้องถอนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บ มาใน “โตเกียว เกมส์” จึงได้มีโอกาสได้แก้ตัวอีกหนด้วยสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ผลงาน 11 แชมป์ แอลจีพี เอและอีก 2 แชมป์รายการระดับเมเจอร์ เคยขึ้นครองมือ 1 ของโลก “เม” จึงเป็นความหวังของคนไทยอีกครั้ง
“เม” เอรียา จุฑานุกาาล
12. ยูโด นักกีฬา 1 คน
“ริซ่า” กชกร วรสีหะ ยูโด รุ่น 52 กก.หญิง
นักกีฬายูโดลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นวัย 26 จากขอนแก่น แจ้งเกิดด้วยเหรียญทองแดงซีเกมส์ ปี 2015 ในการติดทีมชาติครั้งแรก ก่อนไปคว้าเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ ในปี 2018 และในปีถัดมาเธอก็สามารถคว้าแชมป์แรกได้สำเร็จ ในการแข่งขันซีเกมส์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ผลงานที่โดดเด่นต่อเนื่องส่งผลให้กลายเป็นนักกีฬายูโดไทยเพียงคนเดียวที่เก็บคะแนนสะสมผ่านเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้เป็นครั้งแรก
13. ว่ายน้ำ นักกีฬา 2 คน
“ไวน์” นวพรรษ วงค์เจริญ ว่ายน้ำ ผีเสื้อ 100 และ 200 ม.ชาย
โอลิมปิกครั้งแรกของ “ฉลามไวน์” โดดเด่นในการว่ายผีเสื้อ ผลงานคือ 1 เหรียญเงิน ซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์, 1 เหรียญเงิน เวิล์ดคัพ 2019 สนาม 3 ที่ประเทศสิงคโปร์, 1 ทองแดง ซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ และ 1 ทองแดง ซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย ฉลามหนุ่มวัย 23 จากเมืองหลวงผ่านเข้ารอบสุดท้ายโอลิมปิกจากสถิติว่ายผีเสื้อ 100 ม. 53.74 และผีเสื้อ 200 ม. 1.59.80 นาที
“จอย” เจนจิรา ศรีสอาด ว่ายน้ำ ฟรีสไตล์ 50 และ 100 ม. หญิง
“เงือกจอย” นักว่ายน้ำสาวจากแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มหัดว่ายน้ำครั้งแรกตอนอายุ 9 ขวบ และก้าวติดทีมชาติตั้งแต่อายุ 12 ปี ทำผลงานมากมายตั้งแต่ระดับเยาวชน แต่สำหรับโอลิมปิกถือเป็นครั้งแรกจากผลงานว่ายฟรีสไตล์ 50 ม. 25.32 และ 100 ม. 57.77 วินาที ผลงานเด่นในนามทีมชาติ อาทิ 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ซีเกมส์ 2011 ที่ประเทศอินโดนีเซีย, 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง ซีเกมส์ 2013 ที่ประเทศเมียนมา, 1 เหรียญเงิน ซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์, 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย และ 3 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์
“กันต์”กันตภณ หวังเจริญ ประเภทชายเดี่ยว
แม้ไม่ใช่ดาวตบลูกขนไก่ที่หวือหวา แต่ “กันต์” ถือเป็นจอมตีที่เหนียวหนึบและสู้ด้วยความมั่นใจสามารถเอาชนะมือดังมามากมาย เป็นความหวังชายเดี่ยวสืบทอดแทน “ซูเปอร์แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ ที่เคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในโอลิมปิก 2004 สำหรับ “กันต์” ในวัย 22 เรียกว่ากำลังสด ผลงานในปีที่ผ่านมาในสีเสื้อทีมชาติถือว่ายอดเยี่ยมไมว่าจะเป็น เหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์, เหรียญทองแดงสุธีรมาน คัพ 2019 ที่ประเทศจีน และ เหรียญทองแดงซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์
“เมย์” รัชนก อินทนนท์ แบดมินตันประเภท หญิงเดี่ยว
ก้าวมาถึงวัยเบญจเพศ ผ่านโอลิมปิกมาเป็นสมัยที่ 3 เป็นแชมป์เยาวชนโลก และก้าวเป็นแชมป์โลก รวมถึงเป็นมือ 1 ของโลก อีกทั้งกวาดรายการอาชีพมากแล้วมากมาย เรียกได้ว่าเรียงประวัติและผลงานกันมากมายจนจำแทบไม่ไหว สำหรับนักแบดมินตันสาว “เมย์-รัชนก” แต่มีเหรียญเดียวที่ยังต้องการคือ โอลิมปิก โดยครั้งนี้เป็นมือวางอันดับ 5 และถือว่าอยู่ในเส้นทางที่น่าลุ้น เมื่อผลการจับสลากล่าสุดอยู่ในกลุ่ม เอ็น ร่วมกับนักแบดมินตันจากมาเลเซียและศรีลังกา น่าจะทำให้ “เมย์” เป็นแชมป์กลุ่มเข้ารอบ 16 คนได้ไม่ยาก
“เมย์” รัชนก อินทนนท์
“ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ ประเภทหญิงเดี่ยว
นักตีลูกขนไก่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องเหนียวแน่นและอึด รวมทั้งอยู่ในกรอบและกฎระเบียบทุกระเบียบของการฝึกซ้อมทำให้ทำผลงานได้สม่ำเสมอ สามารถชนะได้ทุกคนหากเล่นได้ท็อปฟอร์ม ในวัย 24 ถือว่าพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงประสบการณ์ในการเล่น ผลงานในนามทีมชาติคือ 4 เหรียญทองซีเกมส์ 2015-2017, เหรียญเงินอูเบอร์ คัพ 2018, เหรียญทองแดงสุธีรมาน คัพ 2017 และ เหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ 2018 รวมถึง 5 แชมป์อาชีพในรายการทัวร์ของแบดมินตันโลก
ประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ
จากนักตบลูกขนไก่หญิงเดี่ยว “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กับ “วิว” รวินดา 2 สาวคู่ซี้มาจับคู่กันล่าความสำเร็จมาตั้งแต่ปี 2014 มีโอกาสเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ในปี 2020 เป็นครั้งแรก ผลงานภาพรวมเคยก้าวขึ้นไปอยู่อันดับ 6 ของโลกมาแล้ว ในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ต้องส่งใจเชียร์ว่าสาวสวยทั้งคู่จะทำผลงานได้ดีเพียงใด
ประเภทคู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย
เป็น 1 ใน 2 ความหวังในการคว้าเหรียญโอลิมปิกครั้งประวัติศาสตร์ในกีฬาแบดมินตัน “บาส” เดชาพล และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี ขึ้นเป็นคู่มือ 3 ของโลกเป็นรองแค่คู่จากประเทศจีน หากตามสายไม่มีอะไรพลิกล็อกก็ต้องมาเจอกันในรอบชิงชนะเลิศ และเมื่อถึงเวลานั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่สำคัญคู่ของจีนโดยเฉพาะคู่มือ 1 “ชาง ซีเว่ย” กับ “หวง หย่าเชียง” ของจีน “บาส-ปอป้อ” ก็เคยเอาชนะมาแล้ว แถมมีผลงานสุดฮอตล่าสุดคือการคว้า 3 แชมป์รายการระดับซูเปอร์ เวิลด์ทัวร์ 1000 ภายใน 3 สัปดาห์ติด
ทั้งหมดนี้คือชื่อ ประวัติ และรายการแข่งขันของนักกีฬาไทยในโอลิมปิก เกมส์ ลุ้นเชียร์และให้กำลังใจกันในระหว่างวันที่ 23 ก.ค.-8 ส.ค.นี้ พร้อมติดตามข่าวสารทุกความเคลื่อนไหวทาง SMMSPORT
เผยแพร่: 2 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.