ทั้งคู่ ได้เปิดใจกับ บีดับเบิลยูเอฟ ว่า“เมื่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกถูกเลื่อนออกไป และเราไม่สามารถฝึกซ้อมได้เนื่องจากสถานการณ์ฉุกเฉิน เราก็สูญเสียแรงจูงใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่หลังจากนั้น เมื่อโควิดค่อยๆ ลดความรุนแรง การฝึกซ้อมและการแข่งขันเริ่มกลับมา เราสามารถตั้งสติและเริ่มทำงานหนักเพื่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เราจึงพยายามอย่างเต็มที่ แต่มันไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่เจอปัญหานี้ แต่ก็เกิดขึ้นกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นกับโอลิมปิกในบ้านของตนเองเป็นพิเศษ”
ขณะที่ มายุ มองว่า สถานการณ์พิเศษที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในรูปแบบใหม่ หรือ New Normal จะสร้างแรงจูงใจให้ผู้เล่นลงสนามและเล่นเกินร้อย เราคิดว่านักกีฬาจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งมากกว่าที่เคยทำ เพราะพวกเขาจะแข่งขันภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฉันเชื่อว่านักกีฬาญี่ปุ่นจะลงสนามด้วยความมุ่งมั่นมากกว่าเดิมแน่นอน”
สำหรับการลงสนามหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่แบดมินตันสามารถคัมแบ็กกลับมาแข่งขันในอีกครั้ง คู่แชมป์โลก 2 สมัยจากญี่ปุ่น กลับมาลงแข่งขันเพียง 2 รายการเท่านั้น คือ เดนมาร์ก โอเพ่น และ 2020 และคว้าแชมป์ออล อิงแลนด์ 2021 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
คู่แชมป์โลกนี้ ได้รับการชื่นชมจากแฟนแบดมินตันทั่วโลกว่าเล่นได้สม่ำเสมอหลังการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ใน 2019 ที่บาเซิล หลังจากที่ก่อนหน้านั้น ทั้งคู่ทำผลงานไม่ดีเมื่อเทียบกับนักกีฬาหญิงคู่ญี่ปุ่นคู่อื่นๆ แต่เมื่อคว้าแชมป์โลก ทั้งคู่ก็ปรับตัวและลงสนามโดยสามารถผ่านเข้ารอบลึกและชะนะเลิศหลายรายการจนทำคะแนนสะสมได้เล่นโอลิมปิกสำเร็จ
วากานะ นากาฮาระ กล่าวปิดท้ายว่า “ในช่วงการเก็บคะแนนคัดเลือกไปโอลิมปิก เราตามหลังนักกีฬาญี่ปุ่นคู่อื่นที่ทำได้ดี เราคิดว่าหากเราไม่สามารถคว้าแชมป์โลก ที่บาเซิลได้ โอกาสไปโอลิมปิกจะยากขึ้นกว่าเดิม และทำให้เรามั่นใจมากขึ้น เราค่อยๆ ปรับปรุงตัวเอง เราคิดว่าจุดสำคัญแรกในการแข่งขันของเราคือได้แชมป์โลก และโอลิมปิกจะเป็นสถานีต่อไปของทั้งคู่”
เผยแพร่: 2 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.