มองอย่างเจี๊ยบ ฉบับที่ 15 พาแฟนๆไปเช็กความพร้อมนักกีฬาไทย รวมถึงความหวังในการล่าเหรียญของทัพขนไก่ ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่โตเกี่ยวในครั้งนี้ กับ อ.เจี๊ยบ ธนัช อัศวนภากาศ
สวัสดีครับ! คอลัมน์สำหรับคนรักแบดมินตันกลับมาแล้ว ใน มองอย่างเจี๊ยบ ฉบับที่ 15 เราห่างหายกันไปร่วมสามเดือนเลยทีเดียว จากการที่ศึกขนไก่โลก ไม่มีโปรแกรมการแข่งขันเก็บคะแนน เนื่องจากถูกยกเลิกไปทั้งหมดจากไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ตัวผมเอง (นิก ธีร์ธวัช) ยังมีภารกิจค่อนข้างรัดตัว 555+ ทั้งโค้งสุดท้ายฟุตบอลลีกยุโรป , ไทยลีก รวมไปถึงวอลเลย์บอลสาวไทย และ ยูโร 2020 ที่เพิ่งจบลงไปหมาดๆ จึงไม่ค่อยได้ต่อสายไปพูดคุยกับท่านอาจารย์เจี๊ยบ เท่าไหร่นัก
แต่ด้วยการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว กำลังจะเริ่มทำการแข่งขันกันในวันที่ 23 ก.ค. 64 นี้ ผมจึงได้ติดต่อไปหา อ.เจี๊ยบ ธนัช อัศวนภากาศ รองเลขาธิการสมาคมแบดมินตันฯ รวมทั้งเป็นผู้บรรยายกีฬาขนไก่มือดีของประเทศไทย กูรูประจำคอลัมน์นี้ มาพูดคุยกันถึงความพร้อมของนักกีฬาขนไก่ไทยที่จะไปล่าเหรียญในครั้งนี้ โดยเรามีนักกีฬาที่ผ่านการเข้าเล่นรอบสุดท้ายทั้งสิ้น 7 คน จาก 4 ประเภทด้วยกัน ประกอบด้วย หญิงเดียว 2 คน , ชายเดี่ยว 1 คน , หญิงคู่ 1 คู่ และ คู่ผสม 1 คู่ ซึ่งความหวังของเราจะเป็นอย่างไร ? รวมถึงตัวเต็งของประเภทที่นักกีฬาไทยร่วมชิงชัย จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันใน มองอย่างเจี๊ยบ ฉบับนี้ครับ
จำนวนนักกีฬาแบดมินตันของไทยที่เข้าแข่งขันในครั้งนี้ ?
ก็ถือว่าดีครับ ได้ไปถึง 7 คน ชายเดี่ยว มี กันตภณ หวังเจริญ น่าเสียดายที่ไทยมีโอกาสที่จะได้ ชายเดี่ยวคนที่สอง “วิว” กุลวุฒิ แต่พลาดไปไม่กี่พันคะแนน เนื่องจากมีการยกเลิกรายการเก็บคะแนนในช่วงปลายหลายรายการ เลยไม่สามารถทำคะเเนนในช่วงโค้งสุดท้ายได้ ส่วนชายคู่ ก็ต้องยอมรับว่ายุคนี้เป็นยุคขาดแคลนของไทยจริงๆ ส่วนคนที่คู่กันประจำมีอาการบาดเจ็บ ทำให้มีการสลับคู่ นั่นส่งผลให้เก็บคะแนนกันไม่ทัน ในช่วงแรก ติณณ์ คู่กับ กิตติศักดิ์ ซึ่งผลงานกำลังทำได้ดี แล้ว กิตติศักดิ์ บาดเจ็บ ก็เลยเปลี่ยนคู่ นอกจากนี้ยังมี บดินทร์ กับ นิพิฐพนธ์ แล้วก็มีการเปลี่ยนมาคู่กับ มณีพงษ์ ก่อนที่ มณีพงษ์ จะบาดเจ็บไป กลายเป็นว่าไม่มีใครเก็บคะแนนได้ทันครับ
อยากให้ อ.เจี๊ยบ พูดถึงนักกีฬาไทยกับโอกาสในแต่ละประเภทรวมถึงตัวเต็งของประเภทนั้นๆ ?
หญิงเดี่ยว
ผลการจับสลากประเภทหญิงเดี่ยว ในรอบแรกของ เมย์ และครีม ถือว่าไม่หนัก เพราะเราได้เป็นมือวางทั้งคู่ ดูจากสายจากชื่อชั้น เราน่าจะผ่านรอบแรกได้ทั้งคู่ แต่พอมาถึงรอบ 16 คนสุดท้าย เมย์ น่าจะไปเจอกับ เกรกลอเลีย มาริสก้า ทันจุง ของอินโดนีเซีย ก็เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ทีนี้พอรอบ 8 คนสุดท้าย อาจต้องไปเจอกับ ไต้ จื่ออิง น่าจะหนักมากๆ ถือว่า 50 /50 เลยแหละ ตรงนี้ผมมองว่าใครชนะ โอกาสจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสูงมาก เพราะรอบรองฯ น่าจะไปเจอกับ พีวี สินทุ หรือไม่ก็ อกาเนะ ยามากูชิ เวลานี้ทั้งสองคน ก็ไม่อยู่ในช่วงฟอร์มที่ดีที่สุด ไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรงของ เมย์ หรือ ไต้ จื่ออิง ที่จะปราบได้ อีกเหตุผลหนึ่งคือผมเชื่อนะว่าครั้งนี้ น้องเมย์ ไม่ได้เป็นตัวเต็งเหมือนตอนปี 2016 ซึ่งที่เป็นตัวเต็งครั้งนั้นพราะก่อนแข่งขันในเดือน มี.ค. , เม.ย. เธอไปคว้าแชมป์สามสัปดาห์ซ้อน ขึ้นมือหนึ่งของโลก แล้วในปี 2016 ก็เป็นตัวเต็งที่จะคว้าเหรียญรางวัล แต่มีอุบัติเหตุนิดหน่อยถ้าจำกันได้ ก่อนเปิดฉากโอลิมปิก เมย์ มีการถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้น ต้องไปแก้ต่างกันยกใหญ่ จนกระทั่งพ้นผิด แต่มันก็เหมือนว่าเป็นการทำลายสมาธิ สภาพจิตใจเธอมากเลย ส่งผลให้ผลงานไม่ได้ เพราะฉะนั้นการแข่งขันครั้งนี้ ผมมองว่าอาจจะมีเซอไพรส์จากเมย์ ก็ได้ เพราะเราก็ต้องไม่ลืมว่าในท็อปของโลก เมย์ ชนะมาแล้วทุกคน ไม่มีใครที่เมย์ไม่เคยชนะ
ส่วนน้องครีม ช่วงหลังถือว่าฟอร์มการเล่นกลับมายอดเยี่ยม มีพัฒนาการขึ้นมาก ประกอบกับช่วงหลังก็ซ้อมหนัก เพิ่มอาวุธหลากหลายมากขึ้น อาจจะมีหนักนิดหน่อยในรอบแรก กับ คูบ้า ของเอสโตเนีย แต่ผมคิดว่าผ่านได้ น่าจะไปเข้ารอบ 16 คนสุดท้ายไปเจอกับ อัน แซยอง แต่ถือว่าถูกคู่นะ กำลังฟอร์มดีทั้งคู่ สูสีเลยแหละ แต่ใครชนะเข้าไป ในรอบ 8 คนสุดท้าย คงไปเจอ เฉิน ยู่เฟน ตรงนี้ก็ยอมรับว่าเป็นรองทั้งคู่ เอาใจช่วยกันนิดนึง
ตัวเต็งที่มีโอกาสคว้าแชมป์
หญิงเดี่ยวเป็นประเภทที่ดูเหรียญทองยากที่สุด เพราะไม่ห่างกันมากเท่าไหร่นัก ตัวเต็งจริงๆก็คงจะเป็น เฉิน ยู่เฟย ที่อยู่สายบน น่าจะมีโอกาสสูง รวมไปถึง โนโซมิ โอกูฮาระ และ เหอ ปิงเจียว ส่วนสายล่างก็จะมี เมย์ , ไต้ จู่อิง , พีวี สินทุ และ อกาเนะ ยามากูชิ ก็จะมีโอกาสเข้าถึงชิงชนะเลิศ ก็ถือว่าโอเคนะ อย่างน้อยๆ แคโลไรน่า มาริน ไม่ได้มาด้วยอาการบาดเจ็บ ก็ตัดออกไปได้หนึ่งคน น่าจะสรุปแบบกว้างๆได้ว่าทั้งสามเหรียญ ไม่น่าจะหลุดจาก 7 คนนี้ แน่นอนครับ
ชายเดี่ยว
ก็ต้องยอมรับว่าเป็นโชคดีของ กันตภณ หวังเจริญ ที่ได้เป็นมือวางอันดับ 14 พอแบ่งสายออกมาก็เลยทำให้เป็นตัวเต็งของกลุ่ม ผมเชื่อว่าน่าจะผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้ น่าจะไปชนกับ แอนเดอร์ส แอนทอนเซ่น ซึ่งหากดูสถิติที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าเป็นรองพอสมควร แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า บางครั้งแบดมินตัน มันก็ขึ้นอยู่กับวัน และสัปดาห์ ว่าช่วงเวลานั้นจะพีครึเปล่า ต้องไม่ลืมว่าเจ้ากัน ก็เคยสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองแดงในชิงแชมป์โลกมาแล้ว มันก็เนื่องมาจากตอนนั้นอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดพอดี เราก็หวังว่าในโอลิมปิก ถ้าอยู่ในช่วงฟอร์มที่ดีที่สุด ก็มีโอกาสจะพลิกล็อคได้เหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นรอง
ตัวเต็งที่มีโอกาสคว้าแชมป์
ในสายบน เคนโตะ โมโมตะ ค่อนข้างจะทางสะดวก มีโอกาสเข้ารอบรองชนะเลิศไปตัดกับ วิคเตอร์ อเซลเซ่น หรือ ฉี ยู่ฉี ท้ายสุดแล้วผมว่าน่าจะเจอกับ วิคเตอร์ ซึ่งสถิติที่ผ่านมาเหนือกว่าเยอะมาก ทำให้จอง คิงเคนโตะ ไว้ก่อนหนึ่งที่ในรอบชิงฯ แล้วยิ่งเป็นที่บ้านตัวเองด้วย ส่วนสายล่าง สูสีหลายคู่ ผมมองว่า สุดท้ายแล้วน่าจะเป็น แอนโธนี่ กินติ้ง กับ โจว เทียนเฉิน ที่น่าจะไปถึงรอบรองชนะเลิศ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนะ แต่ก็ประมาททั้ง ลี ซื่อเจี๋ย และ เฉิน หลง ไม่ได้ครับ สุดท้ายแล้ว โมโมตะ มีโอกาสได้เหรียญทองมากที่สุด แม้จะตกรอบในออล อิงแลนด์ ครั้งล่าสุดก็ตาม มันเป็นสิ่งที่ดีมากนะสำหรับ โมโมตะ ที่ทำให้เจ้าตัวได้เรียนรู้จุดบกพร่องตัวเองก่อนโอลิมปิก ทำให้เขาไม่ประมาท และมีเวลาปรับแก้ไขจุดบกพร่องครับ
หญิงคู่
ตัวเต็งที่มีโอกาสคว้าแชมป์
ก็คงต้องมองไปที่ญี่ปุ่นทั้งสองคู่ ทั้ง ฮิโรตะ & ฟูกูชิมะ และ มัตสึโมโต & นากาฮาระ แต่ก็ต้องดูผลการจับสลากด้วยว่าญี่ปุ่นสองคู่จะชิงกันเองหรือเปล่า ? ในกรณีที่ไม่เจอกันรอบรองชนะเลิศ โอกาสก็ค่อนข้างสูง หากถ้าตัดกันเอง ก็ต้องแล้วแต่จังหวะของวัน เพราะคู่นี้เจอกันบ่อย ซ้อมด้วยกัน รู้ทางกันดี อะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนรองลงมาก็คงจะเป็น เฉิน ชิงเฉิน & เจี่ย ยี่ฟาน และ เกาหลีใต้สองคู่ครับ
คู่ผสม
ตัวเต็งที่มีโอกาสคว้าแชมป์
ส่วนตัวผมแล้ว ผมมองว่า 4 คู่ในรอบรองฯ น่าจะเป็น บาส & ปอป้อ , เจิ้ง ซีเว่ย & หวง ย่าเฉียง , หวัง ยี่ลู่ & หวง ตงปิง , ยูตะ วาตานาเบะ & อริสะ ฮิกาชิโนะ โดยมี ประวีณ & อ๊อคตาเวียนติ เป็นตัวสอดแทรก อยู่ที่การจับสลากว่าใครจะชนกับใคร เพราะทั้งสี่คู่มีจุดดีจุดเด่นคนละอย่าง คู่จีนสองคู่ถือว่าเด่นมากกับผลงานการเล่นตลอดมา โดยเฉพาะปี 2019 ทั้งปี แต่ปี 2020 ไม่ได้เล่นเลย น่าจะส่งผลบ้างจากการร้างสนาม ขณะที่ บาส & ปอป้อ กำลังลงตัวและมั่นใจจากการคว้าสามแชมป์ที่ไทยเมื่อต้นไป สภาพร่างกายค่อนข้างพร้อม เช่นเดียวกับญีปุ่น ทาง ยูตะ ไปคว้าแชมป์ที่ออล อิงแลนด์ ร่างกายยังสมบูรณ์ ประกอบการเล่นในบ้านตัวเอง น่าจะคุ้นชินกับสนามมากที่สุด เพราะฉนั้น 4 คู่นี้ ผมมองว่าสมบูรณ์แบบที่สุด มีโอกาสได้แชมป์กันทั้งหมด และหวังว่า บาส & ปอป้อ จะมีเหรียญมาฝากเราครับ
สมาคมแบดมินตันตั้งเป้ากับการแข่งขันครั้งนี้อย่างไร ?
สุดท้ายอยากให้ อ.เจี๊ยบ ส่งกำลังใจถึงชาวไทยที่กำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 และเชิญชวนมาเชียร์นักกีฬาไทยในโอลิมปิก
ส่วนในฉบับหน้า ฉบับที่ 16 อาจารย์เจี๊ยบ จะมีอะไรมาคุยกับแฟนๆแบดมินตัน รอติดตามกันให้ดีๆนะครับผม วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ!
เรียบเรียงโดย : NickyMAN (นิก ธีร์ธวัช)
เผยแพร่: 2 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.