“245” คือ จำนวนแมตช์ที่ “บาส – เดชาพล พัววรานุเคราะห์” กับ “ปอป้อ – ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย” จับคู่ลงสนามร่วมกันในฐานะ นักแบดมินตันคู่ผสมดีกรีทีมชาติไทย ตลอดระยะเวลา 5 ปี
“69” คือ แมตช์ที่เขาและเธอต้องพบกับความเสียใจผิดหวัง จากผลพ่ายแพ้ ไปไม่ถึงดวงดาวเป้าหมายวาดหวังไว้
“0” คือ ตัวเลขที่บ่งบอกว่า ไม่เคยมีคู่ผสมคนไหนในโลก สามารถคว้าแชมป์ BWF เวิลด์ทัวร์รายการใหญ่ได้ติดต่อกันถึง 3 ทัวร์นาเมนต์
ทั้งหมดเกี่ยวพันกับ “บาส – เดชาพล และ ปอป้อ – ทรัพย์สิรี” เพราะสองนักตบชาวไทย ได้ขีดเขียนบันทึกบทใหม่ให้กับ วงการแบดมินตันสากล ด้วยการเป็นคู่แรกของโลกที่ซิว 3 แชมป์เมเจอร์ได้ติดต่อกัน ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์
ทั้งคู่ใช้เวลา หลายพันวัน … หลายหมื่นชั่วโมง ฝึกซ้อม, ปรับตัว, เรียนรู้, ผ่านทุกข์, สุข, ชนะ, สมหวัง, และผิดหวังมาด้วยกัน จนมาถึงวันนี้ ที่ได้กลายเป็น นักแบดมินตันคู่ผสม ที่มาแรงที่สุด และกลายเป็นความหวังของทัพลูกขนไก่ไทยในเวทีระดับโลก
ก่อนจะมาเป็น “บาส – ปอป้อ” ที่คนไทยรู้จัก อยากให้เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเป็นนักแบดมินตัน ?
บาส – เดชาพล : บาสมีความฝันตั้งแต่เด็กว่า อยากเป็นนักกีฬาประเภทใดก็ได้ เพราะบาสไม่ชอบเรียน บาสก็เล่นมาหลายกีฬาทั้ง ฟุตบอล, เทนนิส และวิ่ง
ส่วนตัวบาสไม่ชอบกีฬาที่ต้องใช้ร่างกายปะทะ ก็หันมาสนใจแบดมินตัน เพราะเห็นพี่แมน (บุญศักดิ์ พลสนะ) กำลังมีชื่อเสียง จึงเริ่มหันเอาดีทางแบดมินตัน จนอายุได้ 14 ปี โค้ชก็ลองให้ บาส ฝึกตีประเภทชายคู่ดู
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : คุณพ่อคุณแม่ชอบตีแบดฯ เคยเป็นตัวแทนมหา’ลัย ตอนนั้นจุฬาฯ เพิ่งสร้างคอร์ทก็ลองไปตีเล่น ๆ แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ ป้ออยากเป็นนักแบดมินตัน เพราะลงแข่งครั้งแรกแล้วแพ้ จึงอยากลองตั้งใจจริง ๆ จัง ๆ จนต่อมาก็ได้เป็นแชมป์ในระดับเยาวชน
บาสกับปอป้อ รู้จักกันมานานแค่ไหน และมาจับคู่กันได้อย่างไร ?
บาส – เดชาพล : เมื่อก่อนบาสเล่นประเภทคู่ครับ ส่วนพี่ป้อ เล่นประเภทหญิงเดี่ยว และหญิงคู่ ในปีแรกที่บาสเข้ามาซ้อมกับเอสซีจี ตอนนั้นพี่ป้อยังอยู่ที่นี่ หลังจากนั้น พี่ป้อ ก็ย้ายไปอยู่ สมาคมฯ แข่งประเภทหญิงคู่ พอพี่ป้อกลับมา ก็เลยได้ลองจับคู่ผสมกัน ตอนปลายปี 2015 ทีแรกไม่ได้คาดหวังไกลมาก แค่อยากลองเล่นคู่กัน น่าจะสนุกและสบายใจ
คลิกกันตั้งแต่ครั้งแรกเลยไหม ?
ปอป้อ – ทรัพยสิรี : เราก็ปรับกันพอสมควร กว่าจะมาถึงจุดนี้ เราใช้เวลากันนานถึง 4 ปี คนอาจรู้สึกว่าคู่ของเราเข้าขากันได้เร็ว เพราะไต่อันดับขึ้นไว แต่มันก็เป็นผลมาจากการที่เราเอาชนะมืออันดับโลกดีกว่าได้หลายครั้ง แรงกิ้งจึงขยับ
บาส – เดชาพล : ช่วงแรก ๆ เราสองคนก็ยังวนตำแหน่งได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ได้โค้ชมาดู คอยแก้ไขว่าเราควรเดินไปจุดไหนในแต่ละจังหวะ เพื่อทำให้เกมไหลลื่นขึ้น
มีจุดไหนที่ทั้งสองคนไม่เหมือนกัน แต่ก็สามารถปรับจูนจนรู้ใจกัน
บาส – เดชาพล : นิสัยส่วนตัวไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด อย่างเรื่องอารมณ์ บาส เป็นคนที่รู้สึกยังไงก็จะแสดงออกมาเลย แต่พี่ป้อ เขาจะเก็บอารมณ์เงียบ ๆ ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด ยกเว้นว่าเรื่องนั้นมันสุดจริง ๆ ถึงระบายออกมา ก็เป็นสิ่งที่เราเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : เหมือนกับว่าเราสองคนเจอกันทุกวัน ซ้อมและอยู่ด้วยกันตลอด ถ้ามีใครคนหนึ่งท่าทีแปลกไป เราจะรับรู้กันได้ทันทีว่า คู่ของเรากำลังเจอเรื่องที่เข้ามากระทบหรือรบกวนจิตใจ แต่คู่เราดีตรงที่สามารถคุยได้ทุกเรื่อง ทั้งในและนอกสนาม
บาส – เดชาพล : มันเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีภายในคู่ของเรา ถ้ามีความเข้าอกเข้าใจกัน นิสัยใจคอเข้ากันได้ สามารถพูดกันได้ตรงไปตรงมา ยังไงก็ย่อมดีกว่าการไปจับกับคู่ที่อาจพูดคุยกันไม่ได้ทุกเรื่อง
พอคุณสองคนจับคู่กันแล้ว คิดว่ามีเคมีหรือสไตล์การเล่นอะไรที่ลงตัว และช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน จนสามารถทำผลงานออกมาได้ดี
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : บาสช่วยให้ป้อ รู้สึกเล่นแบดมินตันด้วยความสนุกมากขึ้น เพราะเกมมันไม่น่าเบื่อ มีความรุนแรง เกมเร็ว แตกต่างจากตอนเล่นประเภทหญิงคู่ ที่จะตีอีกสไตล์หนึ่ง
บาส – เดชาพล : บาสคิดว่าการจับคู่กับ พี่ป้อ ช่วยทำให้บาสดึงศักยภาพตัวเองออกมาได้เต็มที่ สามารถทำทุกอย่างได้สุดตัว อย่าง บาส ชอบลูกตบที่บินไปซ้ายที ขวาที ถ้าบาสกระโดดใส่เต็มแรงแล้วตัวหลุดออกไปนอกคอร์ท ก็ยังรู้สึกอุ่นใจได้ว่า พี่ป้อ จะคัฟเวอร์พื้นที่ในสนามได้
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : แต่ละคู่ก็จะมีสไตล์ไม่เหมือนกัน อย่างคู่เรา ป้อจะคอยสนับสนุนให้ บาส ได้บินตบเต็มที่
บาส – เดชาพล : อีกอย่างคู่ผสมส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสลับตำแหน่งกัน จะเป็น ชายยืนหลัง-หญิงยืนหน้า เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่คู่ของเราในบางจังหวะ พี่ป้อ กับบาส สามารถถอยสลับกันได้ โดยไม่ได้เสียสมดุล
ในปี 2017 คู่ของคุณกำลังดีวันดีคืน ไต่อันดับโลกติดท็อป 10 กระทั่ง ปอป้อ มาได้รับบาดเจ็บหนัก เอ็นไขว้หน้าขาดระหว่างรับใช้ทีมชาติ ในซีเกมส์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเล่นในอนาคต ทั้งคู่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไร ?
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : ป้อเป็นคนคิดบวก พอรู้ว่าเจ็บหนักต้องพักยาว 8 เดือน หลังการผ่าตัด ป้อ ก็มุ่งมั่นเต็มที่กับการทำกายภาพ เช้า-เย็น ตลอด บวกกับได้เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย ทำให้สามารถกลับมาได้ 100 เปอร์เซนต์
บาส – เดชาพล : ช่วงนั้น บาส ก็เปลี่ยนคู่ลงแข่งขัน เพราะถ้าไม่ลงเล่นเลย อันดับโลกก็อาจตกลงไป ยังไงบาสก็รอพี่ป้อกลับมาอยู่แล้ว
ตอนที่พี่ป้อพักรักษาตัว บาส เชื่อมั่นอยู่เสมอว่า ยังไงพี่ป้อก็กลับมาได้แน่ ด้วยความที่เขาเป็นนักกีฬาที่มีระเบียบวินัยสูง เราอยู่ด้วยกันทุกวัน บาสรู้ว่าพี่ป้อเป็นคนยังไง เขาไม่ยอมแพ้แน่ ๆ สุดท้ายเขาก็กลับมาได้จริง ๆ และทำผลงานได้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ
คิดว่าสาเหตุอะไรที่หลังจากเหตุการณ์นั้น (ปอป้อเจ็บหนัก) คู่ของพวกคุณทำผลงานได้ดีกว่าเดิม
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : (ยิ้มเขินหันไปมอง บาส และไม่ได้ตอบ)
บาส – เดชาพล : อาจเป็นเพราะเราสองคนมีความรู้และประสบการณ์กว่าเดิม ความสามารถเราพัฒนามากขึ้นกว่าเดิม และทำงานร่วมกันได้อย่างเข้าอกเข้าใจขึ้นเรื่อย ๆ
กว่ามาถึงตรงนี้ คุณต้องฝ่าด่านคู่ผสมชั้นแนวหน้ามืออันดับโลกมากมายหลายคน บอกเราได้ไหมว่า ระดับความเข้มข้นและความยากในเจอกับ นักตบมือท็อปของโลก มีมากขนาดไหน ?
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : พอเป็นเกมระดับสูง เราจะเจอคู่แข่งหน้าเดิม ๆ ไม่กี่คู่วนเวียนอยู่แค่นั้น แต่ความยากอยู่ตรงที่ ทุกคู่จะมีลูกเล่นใหม่ ๆ ตลอด เพื่อหาทางแก้เกมและเอาชนะเรา เช่นเดียวกัน เราก็ต้องหาวิธีชนะคู่แข่งในทุก ๆ นัด
บาส – เดชาพล : ถึงแม้จะเป็นคู่แข่งหน้าเดิม ๆ เจอกันมาบ่อย แต่รูปแบบการเล่นของทุกคู่ มีความหลากหลายเปลี่ยนไปตลอด ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวให้ดี มีไหวพริบตลอดเวลา เพื่อพร้อมสำหรับการเจอคู่แข่งทุกรูปแบบ ยามลงสนามแข่งขัน
สถานการณ์ COVID-19 ทำให้แบดมินตันโลกต้องหยุดชะงัก คุณสองคนไม่มีรายการเลยร่วม 8-9 เดือน จนกระทั่งประเทศไทย สามารถดำเนินการจัดทัวร์นาเมนต์ระดับ เวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 และ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ ได้สำเร็จ ช่วงเวลาที่เว้นว่างพวกคุณทำอะไร ? พอห่างจากคอร์ทการแข่งขันไปนาน กังวลว่าฟอร์มจะดร็อปลงไปไหม ?
บาส – เดชาพล : เราแทบไม่ได้หยุดเลยครับ ยังคงซ้อมอยู่ตลอดเวลา อาจมีได้ออกไปพักผ่อนบ้าง แต่ก็แค่ไม่กี่วัน นอกนั้นเราฝึกซ้อมตลอด รอรายการ
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : บางช่วงที่มีคำสั่งปิดสนามกีฬา ทำให้เราไม่สามารถมาคอร์ทได้ ก็จะซ้อมอยู่ที่บ้าน วิดีโอคอลคุยกันตลอด โดยมีโปรแกรมให้นักกีฬา ไปฝึกซ้อมด้วยตัวเอง ป้อก็ฝึกตลอด เพื่อรอว่าหากมีการอนุญาตให้แข่งขันได้ เราก็จะได้มีความพร้อมทันที ไม่ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
คู่แข่งที่เจอกันหลังกลับมาจากพักเบรกยาว เพราะ COVID-19 เป็นอย่างไรบ้าง
บาส – เดชาพล : ทุกคู่พัฒนาขึ้นหมดครับ มีการเตรียมตัว และวางแผนใหม่ ๆ มาสู้กับเราได้ดีครับ ถ้ามองย้อนกลับไปก็ถือว่าคุ้มค่าที่เรายอมเหนื่อย เตรียมตัวฝึกซ้อมมานาน 8-9 เดือน ทำให้เราสามารถสู้กับพวกเขา จนเป็นแชมป์ได้ในที่สุด เพราะเราไม่รู้จริง ๆ ว่าคู่ไหนจะมาพีคช่วงนี้
พวกคุณได้วางเป้าหมายก่อนแข่งเอาไว้หรือเปล่า ว่าจะกวาด 3 แชมป์รายการใหญ่ติดต่อกัน เป็นคู่ผสมคู่แรกของโลก ในเวลานี้
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : เราสองคนมีเป้าหมายอยากเป็นแชมป์ทุกรายการที่ลงแข่งขันอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เราไม่ได้แข่งมานาน ยอมรับว่าเราตื่นเต้นนิดหน่อย ตอนลงแข่งทัวร์นาเมนต์แรก โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น (ระดับ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000) ไม่รู้ว่าจะคุมเกมตัวเองได้หรือเปล่า ?
บาส – เดชาพล : รายการนี้รอบแรกค่อนข้างหนักด้วย ก็มีตื่นสนามเหมือนกัน พอผ่านรอบแรกมาได้ เราสองคนเริ่มคุมสถานการณ์ได้ ทำผลงานดีขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงนัดชิง ตอนนั้นเราไม่ได้ตื่นเต้นแล้ว เราเชื่อมั่นว่าจะสำเร็จ แล้วเราก็ทำได้จริง ๆ
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : พอได้แชมป์ เวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ครั้งแรก เรามีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ต่อยอดมาถึงแชมป์ที่ 2 โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น ซึ่งก็เป็นรายการระดับ เวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 เหมือนกัน
บาส – เดชาพล : มันเหมือนได้ปลดล็อกตัวเองว่า พวกเราก็สามารถเป็นแชมป์รายการใหญ่ได้นะ ที่ผ่านมา เราอาจเคยได้แชมป์ แต่ก็เป็นระดับรองลงมา เช่น ทัวร์นาเมนต์ระดับ ซูเปอร์ 500, 300 ส่วนรายการใหญ่ระดับ ซูเปอร์ 1000 เราเคยเข้าชิง แต่แพ้ ได้รองแชมป์ตลอด
หลังจากได้มา 2 แชมป์รายการใหญ่ติดต่อกัน ตอนนั้นมองไปถึงโอกาสในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการแบดมินตัน คู่ผสมโลกหรือยัง ? หากคุณสามารถจบอันดับ 1 ในศึก เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020 ได้
บาส – เดชาพล : เรามองว่ามันเป็นกำไร เป็นผลพลอยได้ เพราะเขาเอาอันดับ 1-8 ที่ดีสุดมาแข่งเวิลด์ ไฟนอลส์
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : สายที่คิดไว้ก็ตามนี้เลย เราเดาว่าขอให้มันแย่ที่สุด แล้วเราก็จะได้เจอจริง ๆ นั่นคือรวมคนเก่ง มาอยู่สายเราหมดเลย (หัวเราะ)
บาส – เดชาพล : แต่ความคิดของเราสองคนคือ ถ้าอยากเป็นแชมป์ เราต้องพร้อมเจอได้หมดทุกคน ถ้าเราจับสลากได้สายเบา สุดท้ายผ่านเข้ารอบไป หากเราสู้ของแข็งไม่ได้ เราก็ไม่ได้แชมป์อยู่ดี ก็เลยอยากจับเจอหนัก ๆ ไปเลยในรอบแรก
คิดว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ ปอป้อ – บาส จับคู่กันได้อย่างลงตัว และพากันมาไกลถึงจุดนี้
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : คงเป็นที่เราสามารถเปิดคุยกันทุกเรื่อง สนิทกันทั้งในและนอกสนาม ให้กำลังใจกัน คิดบวก
บาส – เดชาพล : กีฬาประเภทคู่ ยังไงมันก็ต้องมีช็อตที่ผิดพลาด หรือวันที่แพ้ แต่เราก็ใช้เหตุผลคุยกัน ไม่ได้ยึดความคิดใครเป็นหลัก ทีมเราไม่ได้มีแค่สองคน ยังมีโค้ชที่คอยช่วยแก้เกม ชี้แนะนำว่าควรเล่นร่วมกันอย่างไร
ปอป้อ – ทรัพย์สิรี : เราไม่เคยโทษกันว่าลูกนี้ใครทำเสีย วิธีคิดของเราสองคน คือ ลูกที่เสียไปแล้วก็ให้ผ่านไป เราอยู่กับแต้มปัจจุบันดีกว่า หลัก ๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่เราเข้าใจกัน เชื่อใจ รับฟัง เราพูดตรง ๆ ได้ ก็เลยอาจทำให้ผลงานคู่เราออกมาดี
บาส – เดชาพล : คนอาจมองว่าการได้แชมป์ 3 รายการใหญ่ และขยับขึ้นมือวางอันดับ 2 ของโลก เป็นจุดสูงสุดแล้ว แต่นั่นยังไม่ใช่เป้าหมายหลัก เพราะเป้าหมายหลักของเราอยู่ที่ โอลิมปิก เกมส์ เราอยากคว้าเหรียญทองกลับมาให้ได้ เราจะไม่ยังหยุดแค่นี้ เราอยากทำมันสำเร็จจริง ๆ
เผยแพร่: 2 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.